![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2022/07/Cover-FB-RDC-1024x1024.jpg)
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา ดร. ศรวณีย์ สิงห์ทอง ผู้เชี่ยวชาญนโยบายอาวุโส ฝ่ายนโยบายเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน และ ดร. ธนาคาร วงษ์ดีไทย ผู้เชี่ยวชาญนโยบายอาวุโส ฝ่ายยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ นวัตกรรม สังคมและความร่วมมือ สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ได้ร่วมเสวนาพิเศษในหัวข้อ “โอกาสทางธุรกิจจากระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน” เป็นส่วนหนึ่งในโครงการพัฒนาทักษะการออกแบบและสร้างหุ่นยนต์แห่งประเทศไทย ประจำปี 2565 (The 14th Thailand Robot Design Camp: RDC 2022) ภายใต้ธีม “มุ่งสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนด้วยเทคโนโลยีหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ” ซึ่งในปีนี้มีนักศึกษาเข้าร่วมโครงการผ่านระบบออนไลน์กว่า 65 คน จากสถาบันการศึกษา 9 แห่งทั่วประเทศ
ดร. ศรวณีย์ เล่าถึงที่มาของเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy: CE) ว่าเป็นส่วนหนึ่งของโมเดลเศรษฐกิจบีซีจี (Bio-Circular-Green Economy) ที่ถูกประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติของไทยที่รัฐบาลให้ความสำคัญ โดยที่ผ่านมาประเทศไทยมีระบบเศรษฐกิจเส้นตรง หรือ Linear Economy คือการนำทรัพยากรธรรมชาติมาผลิต ใช้ เมื่อใช้เสร็จก็ทิ้ง และเข้าสู่กระบวนการกำจัด แต่ในทางกลับกัน เศรษฐกิจหมุนเวียน จะเป็นการทำให้เกิดวงจรหมุน ให้ทรัพยากรสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ ให้ความสำคัญกับการทำให้ทรัพยากรกลับไปอยู่ที่เดิม ทำให้เกิดขึ้นใหม่ หรืออาจใช้วัสดุอื่นมาทดแทน แนวคิดของเศรษฐกิจหมุนเวียน จึงมีความเกี่ยวข้องกับการจัดการขยะ/ของเสีย (waste management) เพราะนอกจากจะช่วยเรื่องเศรษฐกิจแล้ว ยังลดการเกิดขยะได้อีกด้วย
![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2022/07/LINE_ALBUM_RDC-TH_๒๒๐๗๒๗_13-1024x578.jpg)
หากอ้างอิงตาม Butterfly Model ของ Ellen MacArthur Foundation จะแบ่งหลักการของเศรษฐกิจหมุนเวียนออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรก คือการลดการใช้วัตถุดิบใหม่ ไปใช้วัตถุดิบที่หมุนเวียนได้ ลดปริมาณวัตถุดิบลง หรือใช้วัตถุดิบอื่นทดแทน ส่วนที่สอง คือการคงคุณค่าผลิตภัณฑ์ ส่วนประกอบและวัสดุ โดยแบ่งเป็น 2 ฝั่ง คือฝั่ง Biological cycles ในกลุ่มสินค้าเกษตร วัสดุที่เหลือของการเกษตร วัสดุชีวภาพที่รีไซเคิลไม่ได้ ในกลุ่มนี้จะมีกระบวนการผลิต ที่สามารถสกัดวัตถุดิบบางอย่างให้ไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตของอีกอย่างหนึ่งได้ หรือถ้าไม่สามารถนำไปเป็นวัตถุดิบได้ก็สามารถนำไปผลิตเป็นพลังงาน จำพวกไบโอแก๊ส หรือสร้างให้เกิดจุลินทรีย์ที่นำไปผลิตสินค้าอื่น หรือนำไปเติมให้เกิดเชื้อเพลิงได้ และฝั่ง Technical cycles จะมีโมเดลในการแบ่งปันการใช้งาน การรักษา หรือยืดอายุการใช้งานของสิ่งของ โดยใช้หลักวิศวกรรมศาสตร์เข้ามาช่วย รวมไปถึงกระบวนการหรือการใช้ซ้ำ นำกลับมาซ่อมแซม หรือรีไซเคิลเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ และส่วนที่สาม คือการลดผลกระทบทางลบให้เหลือน้อยที่สุด และเกิดมลพิษน้อยที่สุด
![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2022/07/LINE_ALBUM_RDC-TH_๒๒๐๗๒๗_11-1024x576.jpg)
แนวคิดเรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียน เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 1713 ที่เริ่มมองเห็นถึงความสำคัญในการสร้างความยั่งยืน และในปี 1966 เริ่มมีแนวคิด Closed economy ที่จะทำอย่างไรให้ทรัพยากรอยู่ได้นานที่สุด พัฒนามาจนถึงปี 1989 ที่เริ่มนำแนวคิด Circular economy มาใช้ จนถึงในปี 2015 ที่คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) เริ่มนำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้เป็นแผนปฏิบัติการ (Action plan) ซึ่งเมื่อเข้าไปเป็นมาตรการของสหภาพยุโรป (European Union: EU) ทำให้เกิดเป็นเงื่อนไขในการค้าขายสินค้า เกิดการแบนวัตถุดิบบางอย่างที่เป็นวัตถุดิบตั้งต้นในการผลิตที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เริ่มให้ความสำคัญว่าสินค้าแต่ละชนิดมีกระบวนการผลิตอย่างไร และมีวัตถุดิบในห่วงโซ่อุปทานที่เป็นไปตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนหรือไม่ ซึ่งมาตรฐานเหล่านี้ก็ได้ถูกดึงมาเป็นมาตรฐานในการซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศด้วย หากไม่ปฏิบัติตามก็จะไม่สามารถซื้อขายสินค้าได้ ทำให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องหันมาให้ความสำคัญกับการดำเนินการตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนในการผลิตสินค้ามากขึ้น
![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2022/07/LINE_ALBUM_RDC-TH_๒๒๐๗๒๗_7-1024x576.jpg)
สำหรับระบบนิเวศนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนของไทย แบ่งออกเป็น 4 ด้าน คือด้านนโยบาย ในการเกิดเป็นข้อตกลง/ข้อริเริ่มของภาคเอกชน ในระดับนานาชาติ รวมถึงกฎระเบียบ/พันธกรณี ระดับระหว่างรัฐบาล ที่ไปสู่การกำหนดเป้าหมายในระดับประเทศ ส่วนต่อมาคือด้านโครงสร้างและปัจจัยเอื้อ คือการพัฒนาขีดความสามารถ ระบบการรับรองคุณสมบัติ/มาตรฐาน โปรแกรมการวิจัยและพัฒนา กฎระเบียบและแรงจูงใจทางการเงิน/การคลัง เครื่องมือการลงทุน การส่งเสริมการขายและการส่งออก ด้านที่สาม คือ ผู้ประกอบการที่ต้องออกแบบโมเดลธุรกิจใหม่ ตั้งแต่กระบวนการเลือกวัตถุดิบ ไปจนถึงขั้นตอนการผลิต การขายและการเก็บกลับ ปรับวงจรการใช้ทรัพยากรใหม่ เปลี่ยนวัตถุดิบในการผลิตใหม่ ที่ต้องคำนึงถึงการผลิตใช้ซ้ำ โดยคิดตั้งแต่ต้นทาง ผ่านการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) เข้ามาช่วย อีกทั้งยังต้องใช้ข้อมูลและแพลตฟอร์มที่จะช่วยให้เกิดการหมุนเวียนการใช้วัตถุดิบ และในด้านที่สี่ คือประชาชน ที่ต้องสร้างความตระหนักในการขับเคลื่อนเชิงสังคม พฤติกรรมการบริโภค และการจัดเก็บวัสดุส่งคืนผู้ผลิต
ตัวอย่างโมเดลธุรกิจที่ใช้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน เช่น Repair Service บริการรับซ่อม ที่ใช้โอกาสจากช่องว่างในการช่วยยืดอายุการใช้งานผลิตภัณฑ์และวัสดุ, Second-hand Trader ขายของมือสอง, Material Recycling ธุรกิจรีไซเคิล, Access Model จ่ายเมื่อต้องใช้งาน อาทิ ร้านเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ เป็นต้น ในส่วนของธุรกิจยานยนต์ ประเทศใน EU เริ่มสนใจการดำเนินธุรกิจตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนมานานแล้ว โดยมี 6 โมเดลที่นำมาใช้ในการประกอบธุรกิจ ได้แก่ Regenerate, Share, Optimize, Loop, Virtualize, และ Exchange
![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2022/07/LINE_ALBUM_RDC-TH_๒๒๐๗๒๗_9-1024x573.jpg)
ด้าน ดร. ธนาคาร ได้กล่าวถึงประเด็นการส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีกลุ่มอุตสาหกรรมระบบคมนาคมแห่งอนาคต จากกระแสการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยี ทำให้ในปัจจุบันมีการวางนโยบายในระดับโลก ที่ EU กำหนดให้เลิกผลิตรถยนต์ที่ใช้น้ำมันภายในปี 2035 ดังนั้นรถยนต์ทุกยี่ห้อในยุโรปหลังปี 2035 จะต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้าหรือใช้พลังงานสะอาดรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่น้ำมัน ส่งผลให้ในประเทศไทย ผู้ประกอบการที่ส่งออกวัสดุ หรือชิ้นส่วนประกอบในรถยนต์ ต้องมีการปรับตัว เพราะตลาดใหญ่ในภูมิภาคสำคัญของโลกกำลังจะหายไป นี่จึงถือเป็นทั้งโอกาสและภัยคุกคามหากประเทศไทยยังไม่เปลี่ยนแปลงและยังคงยึดติดกับเทคโนโลยีรูปแบบเดิม
![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2022/07/LINE_ALBUM_RDC-TH_๒๒๐๗๒๗_6-1024x574.jpg)
ตามที่ประเทศไทยได้เข้าร่วมการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP26) และประกาศเป้าหมายสำคัญคือประเทศไทยจะเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065 ถือเป็นความท้าทายอย่างมาก ซึ่งในส่วนของสาขาการขนส่ง คณะกรรมการแห่งชาติด้านยานยนต์ไฟฟ้าประกาศเป้าหมายว่าในปี 2030 30% ของรถในประเทศไทยต้องเป็นรถไฟฟ้า และจะต้องเป็นรถไฟฟ้าทั้งหมด 100% ในปี 2035 ดังนั้น หากจะทำให้เป้าหมายนี้เกิดขึ้นได้จริง ภาคอุตสาหกรรม ภาคการผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทานจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง
![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2022/07/LINE_ALBUM_RDC-TH_๒๒๐๗๒๗_5-1024x577.jpg)
สำหรับโอกาสและเป้าหมายในการประกอบธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าให้ไปสู่เชิงพาณิชย์ มองเห็นโอกาสใน 4 กลุ่มสินค้า คือ แบตเตอรี่, การทำยานยนต์ไฟฟ้าดัดแปลง (EV Conversion), การออกแบบยานยนต์ไฟฟ้ารูปแบบใหม่ (EV New Design), และการสร้างแพลตฟอร์มสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV Open Platform) เพื่อเป็นโอกาสของสตาร์ทอัพในการเติบโตในอุตสาหกรรมนี้ได้ในอนาคต
![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2022/07/LINE_ALBUM_RDC-TH_๒๒๐๗๒๗_4-1024x575.jpg)
ปัจจุบันหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) มีโปรแกรมการให้ทุนในด้านการคมนาคมแห่งอนาคต (Future mobility) และหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ (Robotics and automation) ที่ให้ทุนสนับสนุนการวิจัยและผลักดันธุรกิจไปสู่เชิงพาณิชย์ โดยมีตัวอย่างโครงการที่ บพข. ให้การ สนับสนุน เช่น โครงการผลิตรถไฟฟ้ารางเบา, รถบรรทุกไฟฟ้าดัดแปลง/รถบรรทุกไฟฟ้า ซึ่งได้มีการนำไปจัดแสดงภายในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 43 ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาด้วย นอกจากนี้ยังมีโครงการที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ ภาคีเครือข่ายพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตรถโดยสารไฟฟ้าไทย และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ในการพัฒนาต้นแบบอุตสาหกรรมการผลิตรถโดยสารไฟฟ้า จากรถโดยสารประจำทางใช้แล้ว ขสมก. (City transit E-buses) หรือ EV Bus ครั้งแรกในไทยจำนวน 4 คัน เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาด้วย รวมถึงในอนาคต กระทรวง อว. ยังมีแนวทางจัดทำโครงการผลิตคู่มือการดัดแปลงยานยนต์ไฟฟ้าให้กับอู่รถยนต์ทั่วประเทศไทย โดยใช้เงินทุนของรัฐในการทำวิจัย เพื่อลดความสี่ยง และสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค ผ่านการทดสอบความปลอดภัยและมี best practice ของรถยนต์ที่ใช้งานได้จริงออกมาเป็นตัวอย่างให้สามารถนำไปทำตามได้ ถือเป็นอีกหนึ่งแนวคิดเพื่อสนับสนุนการสร้างเศรษฐกิจใหม่ให้กับประเทศไทยต่อไป
![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2022/07/LINE_ALBUM_RDC-TH_๒๒๐๗๒๗_3-1024x573.jpg)
![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2022/07/LINE_ALBUM_RDC-TH_๒๒๐๗๒๗_2-1024x574.jpg)
![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2022/07/LINE_ALBUM_RDC-TH_๒๒๐๗๒๗_0-1024x580.jpg)
![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2022/07/LINE_ALBUM_RDC-TH_๒๒๐๗๒๗_1-1024x580.jpg)