ตามที่ รัฐบาลได้ริเริ่มการปฏิรูประบบการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.) ของประเทศ โดยรวมหน่วยงานด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มาอยู่ในกระทรวงเดียวกัน เป็นกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มีเป้าหมายขับเคลื่อนประเทศให้เป็นประเทศเศรษฐกิจฐานนวัตกรรม และการเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21 โดยการปฏิรูป 3 เรื่องสำคัญ ได้แก่ 1. การปฏิรูปการบริหารราชการ เพื่อให้มีการบูรณาการการทำงานด้านวิจัยและการสร้างบุคลากร 2. การปฏิรูปกฎระเบียบ เพื่อผลักดันให้ผลงานวิจัยและนวัตกรรมสามารถสร้างประโยชน์ต่อทั้งเศรษฐกิจ สังคม และชุมชน และ 3. ปฏิรูประบบงบประมาณ ด้วยการปรับรูปแบบและวิธีการทางงบประมาณให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด โดยพระราชบัญญัติสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ดังกล่าว ได้ผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสำนักงานราชกิจจานุเบกษา ได้ประกาศ พ.ร.บ. ดังกล่าว มีผลทำให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) เปลี่ยนเป็น “สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ” หรือ สอวช. ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2562 เป็นต้นไป ด้าน กิติพงค์ พร้อมวงค์ ผู้อำนวยการ สอวช. เผย เป็นภารกิจที่มีความท้าทาย และพร้อมนำทีมสร้างอนาคตที่ดีให้กับประเทศไทย โดยเน้นย้ำจะดูแลนโยบายครอบคลุมทั้งมิติการอุดมศึกษา สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อววน.)
ดร.กิติพงค์ พร้อมวงค์ เปิดเผยในฐานะผู้อำนวยการ สอวช. ว่า ระหว่างเส้นทางการเปลี่ยนผ่านสู่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้มีการเตรียมความพร้อมรองรับการจัดตั้งกระทรวงใหม่ เพื่อให้องค์กรสามารถรองรับภารกิจใหม่ได้อย่างไร้รอยต่อและสามารถตอบสนองนโยบายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยบทบาทหน้าที่ของ สอวช. ภายใต้กระทรวงใหม่นี้ มีความสำคัญและมีความท้าทายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ แผนและงบประมาณ รวมถึงการติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนด้าน อววน. ของประเทศ รวมถึงจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ หรือซุปเปอร์บอร์ด ที่มีนายกรัฐมนตรี นั่งเป็นประธาน โดยสภานโยบายฯ มีหน้าที่ในการเสนอนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนด้านการ อววน. ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บท และแผนอื่น รวมทั้งนโยบายของรัฐบาล ต่อคณะรัฐมนตรี และพิจารณากรอบวงเงินงบประมาณประจำปีด้าน อววน. ของประเทศ ก่อนที่สำนักงบประมาณจะนำเสนอคณะรัฐมนตรี ส่วนนโยบายและยุทธศาสตร์จากสภานโยบายฯ จะส่งต่อให้คณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม คณะกรรมการการอุดมศึกษาและคณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษา นำไปแปลงสู่การปฏิบัติให้สถาบันอุดมศึกษา และหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรมของประเทศดำเนินงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อขับเคลื่อนประเทศให้สามารถแข่งขันได้ในระดับโลก เชื่อมโยงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมกับผู้ประกอบการภาคเอกชนและภาครัฐ และสามารถพัฒนาและแก้ไขปัญหาของชุมชนและสังคมได้อย่างยั่งยืน
“สอวช. ในฐานะฝ่ายเลขานุการจะทำหน้าที่รับผิดชอบงานวิชาการและงานธุรการของสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ ซุปเปอร์บอร์ด และมีหน้าที่สนับสนุนการดำเนินงานของสภานโยบายเพื่อกำหนดทิศทางพัฒนาการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในการผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของประเทศ และสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับโลกได้ โดยใช้การวิจัยและนวัตกรรมในการขับเคลื่อนประเทศ พัฒนาเศรษฐกิจ ชุมชน และสังคม รวมทั้งสนับสนุนการนำผลงานวิจัย และนวัตกรรมที่สำเร็จแล้วไปสู่การผลิตที่ได้มาตรฐาน เพื่อใช้ประโยชน์ในภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการ” ดร.กิติพงค์ กล่าว
สำหรับอำนาจหน้าที่ของ สอวช. ตาม พ.ร.บ. สภานโยบาย ฯ ประกอบด้วย
- รับผิดชอบงานวิชาการและงานธุรการ สนับสนุนสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม คณะกรรมการ คณะกรรมการพิเศษเฉพาะเรื่อง และคณะอนุกรรมการ
- เสนอความเห็นเกี่ยวกับนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.) ของประเทศ
- เสนอความเห็นเกี่ยวกับกรอบวงเงินงบประมาณประจำปีด้าน อววน. ของประเทศ รวมทั้งระบบการจัดสรรและบริหารงบประมาณแบบบูรณาการ
- เสนอความเห็นเกี่ยวกับการเร่งรัดและติดตามให้มีการเสนอหรือการปรับปรุงกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ระเบียบ ที่เกี่ยวข้องกับ อววน.
- สนับสนุนการดำเนินการ การติดตามและประเมินผลของคณะกรรมการพิเศษเฉพาะเรื่อง
- ประสานงานให้มีการจัดทำ บูรณาการ และเชื่อมโยงฐานข้อมูลการอุดมศึกษาฐานข้อมูลมาตรฐานการอุดมศึกษา และฐานข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รวมทั้งสามารถเข้าถึงฐานข้อมูลดังกล่าว
- ประสานงานและให้ความร่วมมือกับส่วนราชการหน่วยงานอื่นของรัฐ หน่วยงานภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับด้าน อววน.
อย่างไรก็ตาม การทำงานของ สอวช. ต้องอาศัยการบูรณาการความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการอุดมศึกษา ภาคสังคมและชุมชน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เป้าหมายการเป็นประเทศเศรษฐกิจฐานนวัตกรรม (Thailand 4.0) และเพื่อเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21 โดยนโยบายที่ขับเคลื่อนจะไม่ใช่แค่เพียงนโยบายที่ตอบโจทย์ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย หรือนวัตกรรมเท่านั้น แต่จะให้ความสำคัญกับนโยบายด้านการอุดมศึกษา สังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ ควบคู่ไปด้วย
สำหรับภารกิจที่มีความท้าทาย และมีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ คือ การเซทระบบบริหารการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ที่ สอวช. จะต้องทำหน้าที่ในการสนับสนุนงานวิชาการก่อนเสนอต่อสภานโยบายฯ คณะกรรมการ คณะกรรมการพิเศษเฉพาะเรื่อง และคณะอนุกรรมการ รวมทั้งประสานงานและติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ทำหน้าที่ออกแบบระบบการทำงานและกระบวนการที่สำคัญของกระทรวงฯ รวมทั้งพัฒนาข้อเสนอนโยบาย มาตรการ กฎหมาย และกลไกเพื่อส่งเสริมการพัฒนา อววน. รวมทั้งจัดทำข้อเสนอกรอบงบประมาณด้าน อววน. ของประเทศ และระบบจัดสรรและบริหารงบประมาณในด้านดังกล่าว ตลอดจนออกแบบระบบการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนด้าน อววน. ของประเทศ
นอกจากนี้ ในด้านนโยบายการอุดมศึกษา ต้องมีการทำงานบูรณาการ และเชื่อมโยงการอุดมศึกษาเข้ากับ วทน. ซึ่งจะทำให้มีพลังมากขึ้น โดยบทบาทของงานด้านนโยบายการพัฒนากำลังคนและการอุดมศึกษา ของ สอวช. จะดำเนินการจัดทำนโยบายพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ครอบคลุมทั้งการผลิตบัณฑิตและบุคลากรในระบบวิจัยและนวัตกรรม การจัดทำข้อเสนอนโยบาย มาตรการหรือสิทธิประโยชน์สำหรับการพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมตามนโยบายที่สำคัญของประเทศ พัฒนาระบบกลไกการขับเคลื่อนการอุดมศึกษาในด้านการวิจัยและนวัตกรรม พัฒนาระบบสร้างความร่วมมือการผลิตและการใช้ประโยชน์บุคลากรในระบบวิจัยและนวัตกรรม มีการวิจัยเชิงนโยบายผ่านการทดลองในโครงการนำร่อง ตลอดจนมีการประเมินผลการขับเคลื่อนนโยบายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในอนาคตอาจจำเป็นต้องมีการขยายขอบเขตงานที่กว้างขึ้น เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21 ตามนโยบายของกระทรวงต่อไป
สำหรับงานสำคัญด้านยุทธศาสตร์วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อเศรษฐกิจและสังคม จะดำเนินการทำงานเชิงรุกมากยิ่งขึ้น โดยจะมีการจัดทำข้อเสนอแนะวาระการพัฒนาด้าน อววน. ของประเทศ พัฒนานโยบายและยุทธศาสตร์การลงทุนด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานด้านการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ พัฒนามาตรการส่งเสริมการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ไปใช้เพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ และสังคม ชุมชน ท้องถิ่น ตลอดจนจัดทำข้อเสนอแนะยุทธศาสตร์การวิจัยด้านสังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ และความร่วมมือกับต่างประเทศด้าน อววน. รวมถึงภารกิจในการเชื่อมโยงและบูรณาการฐานข้อมูลด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อการกำหนดนโยบาย เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ก่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ สอวช. ในวันนี้ สวทน. ได้สร้างสรรค์ผลงาน และส่งมอบนโยบายที่สร้างผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 11 ปี ไม่ว่าจะเป็นโครงการเมืองนวัตกรรมอาหาร ที่ได้ดำเนินการในหลากหลายด้าน เพื่อสนับสนุนให้เกิดการวิจัย พัฒนาและนวัตกรรมในอุตสาหกรรมอาหารของประเทศ ทั้งการให้บริการผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารขนาดเล็ก ขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่ ในรูปแบบการให้บริการจุดเดียวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) เพื่อให้ผู้ประกอบการอาหารของไทยเข้าถึงแหล่งทรัพยากร บุคลากรการวิจัย การบริการ แหล่งเงินทุน สิทธิประโยชน์ รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ของหน่วยงานภาครัฐ และภาคมหาวิทยาลัย เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารนวัตกรรมอาหารออกสู่ตลาดได้รวดเร็ว มีคุณภาพตามมาตรฐาน และตรงกับความต้องการของผู้บริโภค อีกทั้งเป็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารอีกด้วย ทั้งนี้ สวทน. ได้ส่งต่อเมืองนวัตกรรมอาหารให้ทาง สวทช. รับช่วงต่อเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อผลักดันให้เกิดการสร้างผลกระทบต่อสังคมได้มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ สวทน. ได้จัดทำร่างพระราชบัญญัติการพิสูจน์เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ พ.ศ. …. เพื่อให้มีพื้นที่ทดลองให้สามารถเกิดการทดสอบเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมได้อย่างปลอดภัยก่อนการพิจารณาอนุญาตให้ใช้ในวงกว้าง ซึ่งจะเป็นการให้อำนาจแก่หน่วยงานของรัฐในการยกเว้น ผ่อนปรน กฎหมาย กฎ ระเบียบ และข้อบังคับต่าง ๆ เป็นการชั่วคราวภายใต้ขอบเขตที่จำกัดเพื่อทำการพิสูจน์ โดยเป็นกลไกรองรับเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการนำไปใช้ประโยชน์ที่ยังไม่มีกฎหมายรองรับ หรือกรณีกฎหมายที่มีอยู่มีความล้าสมัยให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเป็นระบบ
อีกหนึ่งผลงานสำคัญของ สวทน. คือ การจัดทำร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. …. หรือ Bayh – Dole Act ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2561 อนุมัติและรับทราบหลักการ ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวแล้ว ซึ่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีหลักการสำคัญเพื่อขจัดอุปสรรคในการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ โดยการมอบสิทธิความเป็นเจ้าของในผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่เกิดจากการสนับสนุนทุนจากหน่วยงานให้ทุนของรัฐ ให้แก่ผู้รับทุนซึ่งส่วนใหญ่ ได้แก่ สถาบันวิจัยและมหาวิทยาลัย เมื่อมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยเป็นเจ้าของผลงานวิจัย จะสามารถถ่ายทอดเทคโนโลยีด้วยการทำสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิไปยังภาคเอกชนเพื่อนำไปผลิตเป็นสินค้า บริการ และออกขายในตลาดต่อไปได้อย่างคล่องตัว โดยมีนักวิจัยในสังกัดสถาบันวิจัยและมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นผู้ทำวิจัยทำหน้าที่ถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ไปยังภาคเอกชน ซึ่งเป็นผู้รับเทคโนโลยีและนวัตกรรมนั้นได้โดยตรง และไม่ติดกับกฎระเบียบของหน่วยงานให้ทุนในเรื่องสิทธิความเป็นเจ้าของผลงานวิจัยและนวัตกรรม นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยจะได้รับรายได้จากการอนุญาตให้ใช้สิทธิ และจะต้องจัดสรรรายได้ให้กับนักวิจัยในสัดส่วนที่เหมาะสม เมื่อนักวิจัยได้รับส่วนแบ่งรายได้ก็จะเกิดแรงจูงใจในการสร้างผลงานวิจัยที่มีคุณภาพตรงกับความต้องการของภาคการผลิตและบริการ ยิ่งไปกว่านั้น หากนักวิจัยจะนำเอาผลงานวิจัยนั้นไปต่อยอดและทำธุรกิจเองโดยตั้งเป็นบริษัทก็สามารถทำได้ หรือหากผู้ประกอบการ Startup สนใจทำธุรกิจโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมนั้นก็สามารถทำได้รวดเร็วและทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
Link พ.ร.บ. สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ :http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/A/057/T_0008.PDF
———————————————
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.)
โทรศัพท์ 08-0441-5450 (วรรณพร) 081-7536119 (แพรประพันธ์)
Email: pr@sti.or.th / Website: www.sti.or.th / Facebook: https://www.facebook.com/STI สวทน.