(9 มีนาคม 2564) ดร. กิติพงค์ พร้อมวงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) เปิดเผยในฐานะผู้ช่วยเลขานุการสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณด้านการอุดมศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 จำนวน 117,880 ล้านบาท ตามที่สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ เสนอขออนุมัติ โดยกรอบวงเงินงบประมาณดังกล่าว ประกอบด้วย งบบุคลากร จำนวน 70,427 ล้านบาท (ร้อยละ 60) งบดำเนินงานและงบรายจ่ายอื่น จำนวน 38,653 ล้านบาท (ร้อยละ 33) และงบประมาณเพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาความเป็นเลิศของสถาบันอุดมศึกษา และการผลิตกำลังคนระดับสูงเฉพาะทางตามความต้องการของประเทศ จำนวน 8,800 ล้านบาท (ร้อยละ 7)
ดร.กิติพงค์ กล่าวว่า สถาบันอุดมศึกษาเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ เนื่องจากเป็นแหล่งรวบรวมองค์ความรู้และสร้างผลงานวิจัยและนวัตกรรม รวมถึงเป็นแหล่งสำคัญในการสร้างและพัฒนากำลังคนผ่านการผลิตบัณฑิต (Degree Program) และการพัฒนาทักษะแรงงาน (Non-degree Program) ผลงานสำคัญในปี 2563 ของสถาบันอุดมศึกษาในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ เช่น การพัฒนาแพลตฟอร์ม Future Skill x New Career Thailand โดยการจัดหลักสูตรระยะสั้น (Non-degree Program) เพื่อพัฒนาทักษะและความรู้สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมอนาคต และกลุ่มอุตสาหกรรมรากฐานของประเทศที่มีแนวโน้มฟื้นตัวได้เร็วหลังจากวิกฤตการณ์โควิด-19 การสร้างบัณฑิตพันธุ์ใหม่และกำลังคนที่มีสมรรถนะสูง เพื่อตอบโจทย์ภาคการผลิตและบริการตามนโยบายการปฏิรูปอุดมศึกษาไทย การที่สถาบันอุดมศึกษามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนนโยบาย BCG เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากสู่ความยั่งยืนโดยการประยุกต์ใช้องค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมในการพัฒนาระดับพื้นที่ในด้านต่าง ๆ
สำหรับแผนงานและเป้าหมาย มุ่งเน้นการขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG ตามนโยบายรัฐบาล และแผนด้านการอุดมศึกษาเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศ พ.ศ. 2564-2570 ตามที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบ โดยมีแผนงานสำคัญ ได้แก่
- การผลิตบัณฑิตและกำลังแรงงาน ประกอบด้วย การผลิตบัณฑิตในระบบอุดมศึกษา (Degree Program) จำนวน 1,423,653 คน และการผลิตกำลังแรงงานในหลักสูตรระยะสั้น (Non-degree Program) จำนวน 50,000 คน โดยมีจุดมุ่งเน้นในการพัฒนา ดังนี้ ก) ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG โดยจะพัฒนา กลุ่มสตาร์ทอัพ (Startup) กลุ่มผู้ประกอบการฐานนวัตกรรม (Innovation-Driven Enterprise) กลุ่มสมาร์ทฟาร์มเมอร์ (Smart Farmer) กลุ่มผู้ให้บริการมูลค่าสูง (High Value Service Provider) กลุ่มพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง (Deep Technology Developer) และกลุ่มผู้ประกอบการสร้างสรรค์ (Creative Entrepreneur) รวมถึงบุคลากรวิชาชีพเฉพาะด้านที่จำเป็นต่อโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ เช่น นักนวัตกรรมดิจิทัล ข) รองรับการระบาดของโรควิด-19 เช่น อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร ซึ่งรวมถึงการพัฒนาทักษะการดูแลผู้ป่วยและผู้สูงอายุ และ ค) รองรับโครงการ Eastern Economic Corridor (EEC) เช่น ระบบราง โลจิสติกส์ และการบิน
- การพลิกโฉมระบบการอุดมศึกษาของประเทศไทย (Reinventing University System) เพื่อให้สถาบันอุดมศึกษาพัฒนาศักยภาพตามความเชี่ยวชาญและผลิตกำลังคนระดับสูงเฉพาะทางตามความต้องการของประเทศ ผ่าน 5 กลไก ดังนี้ ก) การจัดการเรียนการสอน โดยส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life-Long Learning) ตัวอย่างผลผลิต เช่น แพลตฟอร์ม/ระบบการบริหารจัดการหลักสูตร 40 แพลตฟอร์ม/ระบบ ข) การพัฒนาและแสวงหาบุคลากรที่เน้นสมรรถนะ โดยพัฒนาอาจารย์ นักวิจัย และบุคลากรตอบสนองการจัดการเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21 รวมถึงการจ้างผู้เชี่ยวชาญมาร่วมงานกับสถาบันอุดมศึกษาทั้งแบบเต็มเวลาหรือไม่เต็มเวลา ตัวอย่างผลผลิต เช่น คณาจารย์ นักวิจัยและบุคลากรมีความเชี่ยวชาญและทักษะเฉพาะทางระดับสูง จำนวน 2,500 คน ค) ความเป็นนานาชาติ โดยสร้างเครือข่ายกับมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก ตัวอย่างผลผลิต เช่น ความร่วมมือกับสถาบันพันธมิตรระดับนานาชาติ 500 คน นักศึกษาต่างประเทศ/นักศึกษาแลกเปลี่ยน จำนวน 500 คน ง) การบริหารงานวิจัยและนวัตกรรม โดยสร้างระบบนิเวศของการประกอบการและนวัตกรรมเพื่อสร้างผู้ประกอบการรายใหม่ รวมถึงการพัฒนาระบบการบริหารและจัดการทรัพย์สินทางปัญญา ตัวอย่างผลผลิต เช่น มีการสร้าง Technology-based Startup และพัฒนา SMEs จำนวน 300 ราย และ จ) การสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับทุกภาคส่วนแบบเครือข่ายจตุภาคี (Quaruple Helix) ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างกำลังคนและสร้างความเป็นเลิศตามนโยบายของประเทศ รวมถึงการสร้างเครือข่ายพัฒนาแหล่งเรียนรู้ชุมชน ตัวอย่างผลผลิต เช่น จำนวนเครือข่ายความร่วมมือในการพัฒนาหลักสูตรตามจุดเด่น/จุดเน้น จำนวน 100 เครือข่าย
สำหรับแนวทางการบริหารและจัดสรรงบประมาณตามกรอบวงเงินดังกล่าวมุ่งเน้นให้สนองด้านอุปสงค์เป็นหลัก (Demand-side Financing) และให้ความสำคัญกับกลไกที่จำเป็นต่อการแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้