![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2022/04/Cover-FB-TRIUP-4-1024x1024.jpeg)
(4 เมษายน 2565) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) พร้อมหน่วยงานภาคี 16 หน่วยงาน ร่วมกันจัดงานมหกรรมส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากงานวิจัย (TRIUP Fair 2022) ภายใต้แนวคิดปลดล็อกความเป็นเจ้าของงานวิจัย สร้างศักยภาพไทยไร้ขีดจำกัด ณ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ และการถ่ายทอดสดผ่านระบบออนไลน์ โดยในงานได้มีการจัดเวทีเสวนาในหัวข้อ “พ.ร.บ. ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2564 เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมไทยอย่างก้าวกระโดด : ความหวังของเอกชน และภาคประชาชน” คืนผลงานให้นักวิจัย คืนผลประโยชน์ให้ประเทศไทย ด้วยกฎหมายใหม่ TRIUP Act สร้างความตระหนักรู้ต่อการมีอยู่ของ พ.ร.บ. ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2564 ให้แก่ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อนำไปสู่การใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม ซึ่ง ดร. กิติพงค์ พร้อมวงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ได้ร่วมเวทีเสวนาในครั้งนี้ด้วย
![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2022/04/เสวนา-TRIUP-Act_1-1024x683.jpg)
![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2022/04/ดร.-กิติพงค์_2-1024x683.jpg)
ดร. กิติพงค์ กล่าวถึงที่มาของ พ.ร.บ. ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2564 หรือ TRIUP Act ว่า ก่อนหน้านี้ย้อนหลังไปสิบกว่าปี สอวช. ซึ่งขณะนั้น คือ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ สวทน. ได้ทำการศึกษาและเห็นว่าในประเทศต่างๆ มีกฎหมายส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม ในขณะที่ประเทศไทยเองก็มีการทำวิจัยอยู่จำนวนมาก มีการลงทุนสนับสนุนงานวิจัยเพิ่มมากขึ้น แต่ผลงานวิจัยที่ผลิตออกมายังติดข้อจำกัดอยู่ 3 ส่วน ได้แก่ 1) ผลงานวิจัยที่ออกมานั้นยากที่จะทำให้เกิดผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เนื่องจากประเทศไทยยังมีข้อจำกัดในแง่ของกฎหมาย การส่งเสริมเรื่องการเงิน และแรงจูงใจ ที่ไม่ค่อยเอื้อต่อการพัฒนาผลงานวิจัย อีกทั้งยังถือเป็นความท้าทายของนักวิจัยและนักบริหารงานวิจัยในการปรับแนวคิดเชื่อมโยงงานวิจัยเพื่อให้เกิดการสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม 2) ความล่าช้าในการนำเอาผลงานวิจัยออกไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความเป็นเจ้าของผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่ตกอยู่กับหน่วยงานผู้ให้ทุน ซึ่งไม่ได้มีพันธกิจงานหลักในการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ และ 3) แรงจูงใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ก่อนหน้านี้นักวิจัยขาดแรงจูงใจในการผลักดันผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะงานวิจัยประเภทที่จะนำไปให้กลุ่มรายย่อย ภาคการเกษตร รวมถึงกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เนื่องจากงานวิจัยเหล่านั้นไม่ได้สร้างผลประโยชน์มากเหมือนกับการทำธุรกิจ อีกทั้งยังไม่มีผลประโยชน์กลับมาที่นักวิจัย ทำให้เรื่องการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่เป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสม (Appropriate Technology) ถูกเพิ่มเข้ามาใน พ.ร.บ. นี้ด้วย เพื่อส่งเสริมการนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมไปใช้ประโยชน์ในวงกว้าง เกิดประโยชน์แก่เกษตรกร กลุ่มอาชีพในชุมชน วิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจเพื่อสังคม ผู้ด้อยโอกาสหรือประชาชนในพื้นที่ โดยกำหนดให้มีการจ่ายเงินค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์แก่นักวิจัยที่ดำเนินการอันก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการส่งเสริมและสนับสนุนเทคโนโลยีที่เหมาะสม
![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2022/04/งาน-TRIUP-ACT_1-1024x683.jpg)
![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2022/04/งาน-TRIUP-ACT_2-1024x683.jpg)
“TRIUP Act ช่วยปลดล็อก อย่างแรกคือการทำให้เศรษฐกิจฐานราก ความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้นด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม ส่วนที่สองคือการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ ที่กฎหมายฉบับนี้จะเข้าไปช่วยทั้งในกลุ่ม SMEs สตาร์ทอัพ และหากทำทั้งสองส่วนแรกได้ สิ่งที่จะตามมาคือการที่ประชาคมวิจัยและนวัตกรรมของไทยเข้มแข็งขึ้น การลงทุนก็จะมากขึ้นด้วย ทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน โดยการจะทำให้ทั้ง 3 ส่วนนี้เกิดขึ้นได้ ต้องมีการปลดล็อกความเป็นเจ้าของผลงานวิจัยและนวัตกรรม ให้ผู้ทำวิจัยได้เป็นเจ้าของผลงาน ผลประโยชน์ปลายทางก็จะเกิดขึ้นทั้งกับประชาชน ผู้ประกอบการ สังคม และประเทศชาติ รวมถึงนักวิจัยที่ทำเพื่อสังคม ทำเพื่อชุมชน ที่กฎหมายฉบับนี้ได้มีการจัดสรรเงินรางวัลให้นักวิจัยในกลุ่มนี้ด้วย ต่อมาคือเรื่องของการส่งเสริม กฎหมายนี้ส่งเสริมให้การทำงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทำได้ง่ายขึ้น และส่วนสุดท้ายคือการสร้างกลไก เป็นสิ่งที่จะต้องมาร่วมกันคิดถึงแนวทางการนำไปปฏิบัติ จะทำอย่างไรให้กลไกการทำงานต่างๆ หมุนต่อไปได้” ดร. กิติพงค์ กล่าว
![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2022/04/ดร.-กิติพงค์-1-1024x683.jpg)
ทั้งนี้ พ.ร.บ. ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2564 มีจุดมุ่งหมายหลัก คือต้องการสร้างผลกระทบจากผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่รัฐสนับสนุนทุน ไปสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์และสังคมได้อย่างแท้จริง โดยกำหนดให้ผู้รับทุน (มหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย ภาคเอกชน) สามารถเป็นเจ้าของผลงานวิจัยและนวัตกรรม และต้องนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ภายในระยะเวลาที่กำหนด
แนวคิดหลักของกฎหมาย คือถ่ายโอนความเป็นเจ้าของในผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่เกิดจากทุนของรัฐ ไปยังผู้รับทุนที่มีศักยภาพในการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ โดยมหาวิทยาลัย และภาคเอกชน สามารถนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ ต่อยอด เข้าสู่กระบวนการเชิงพาณิชย์ และสร้างให้เกิดมูลค่าเพิ่มของทรัพย์สินทางปัญญา สินค้า บริการ และนวัตกรรม ช่วยสร้างให้เกิดแรงจูงใจต่อการสร้างผลงานวิจัยและนวัตกรรมของมหาวิทยาลัย และนักวิจัย และงานวิจัยและนวัตกรรมตรงกับความตลาดมากขึ้น ทำให้เกิดธุรกิจนวัตกรรม (Spin off, Startup) จากการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ สร้างรายได้ให้แก่นักวิจัย ผู้ประกอบการนวัตกรรม สร้างผลกระทบเชิงเศรษฐกิจ
![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2022/04/งาน-TRIUP-ACT_4-1024x683.jpg)
สำหรับงานมหกรรมส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากงานวิจัย (TRIUP Fair 2022) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 เมษายน 2565 มีการจัดกิจกรรมในโซนต่างๆ เพื่อรองรับและตอบสนองความต้องการของผู้เกี่ยวข้องด้านการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ เช่น โซน “รู้จัก TRIUP Act และกลไกส่งเสริมการใช้ประโยชน์งานวิจัย” โซนเวทีกลาง จัดเป็นเวทีสัมมนาเพื่อเป็นแนวทางให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นประเทศที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมด้วยผลงานวิจัยและนวัตกรรม โซน Training ร่วมเรียนรู้ เสริมสร้างศักยภาพ และเพิ่มพูนทักษะด้านทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น ผู้ที่สนใจสามารถร่วมชมงานได้ ณ Mitrtown Hall 1-2 ชั้น 5 ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ สามารถลงทะเบียนและติดตามรายละเอียดภายในงานได้ที่เว็บไซต์ https://triupfair.com