![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2019/08/29-ส.ค.-2562_190830_0046.jpg)
![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2019/08/29-ส.ค.-2562_190830_0085.jpg)
(29 สิงหาคม 2562) อาคารจัตุรัสจามจุรี – สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดประชุมหารือการพัฒนากำลังคนของประเทศ (Manpower Planning) เชิญรัฐ เอกชน มหาวิทยาลัยกว่า 60 คนหารือ เร่งผุดแผนพัฒนากำลังคนตอบโจทย์ประเทศครั้งแรกของไทย
![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2019/08/29-ส.ค.-2562_190830_0015.jpg)
![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2019/08/29-ส.ค.-2562_190830_0020.jpg)
ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า ในอดีตที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่เคยมีการวางแผนพัฒนากำลังคนที่ตอบโจทย์ความต้องการของประเทศ และแม้ว่ามหาวิทยาลัยจะเป็นแกนหลักสำคัญในการพัฒนากำลังคน แต่ที่ผ่านมายังเป็นการพัฒนากำลังคนแบบ Supply Side อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนประเทศให้ก้าวไปข้างหน้า รวมถึงกระตุ้นให้เกิดการลงทุนด้านเทคโนโลยี จำเป็นต้องอาศัยกำลังคนที่มีความเชี่ยวชาญมาขับเคลื่อน เพราะฉะนั้น หากเราจะร่วมกันปลดล็อกนำพาประเทศไปข้างหน้า ประเทศไทยต้องมีแผนการพัฒนากำลังคนที่มาจากความต้องการของผู้ประกอบการอย่างแท้จริง
“วันนี้เรามาช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้เกิดแผนพัฒนากำลังคนอย่างจริงจัง ทั้งแบบ Degree / Non-Degree และ EEC / Non-EEC ทั้งนี้ มหาวิทยาลัย เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการสร้างกำลังคนที่มีทักษะสูง หรือ Talent แต่เอกชนเองก็มีส่วนสำคัญในการสร้างด้วย ซึ่งรัฐบาลก็พร้อมจะสนับสนุนในด้านสิทธิพิเศษต่างๆ ในขณะเดียวกันการสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เกิดกำลังคนที่มีคุณภาพของประเทศ” ดร.สุวิทย์ กล่าว
![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2019/08/29-ส.ค.-2562_190830_0012-1.jpg)
![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2019/08/29-ส.ค.-2562_190830_0034.jpg)
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ข้อเสนอจากที่ประชุมครั้งนี้ รัฐบาลเห็นความสำคัญและจะรวบรวมเพื่อเสนอในการประชุม ครม.เศรษฐกิจ ซึ่งจะมีการหารือในประเด็น “จะทำอย่างไร ให้ประเทศไทยไม่ขาดกำลังคน” ซึ่งหากประเทศไทยสามารถผลิตกำลังคนได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้ ไทยจะเป็นประเทศแม่เหล็กในการดึงดูดบริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุน
![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2019/08/29-ส.ค.-2562_190830_0018.jpg)
![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2019/08/29-ส.ค.-2562_190830_0017.jpg)
นอกจากนี้ ดร.ไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เสนอเป้าหมายการพัฒนากำลังคนด้านการอุดมศึกษาของประเทศ อาทิ เรื่องสัดส่วนการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์ต่อสังคม 40:60 การแบ่งมหาวิทยาลัยของภาครัฐออกเป็น 2 ประเภท คือ มหาวิทยาลัยเพื่อผลิตกำลังคน และมหาวิทยาลัยวิจัยเพื่อความเป็นเลิศ การปรับขนาดของสถาบันอุดมศึกษาให้สอดคล้องกับอัตราการเกิดของประชากร การผลักดันกิจการอุดมศึกษาของประเทศเป็นผู้นำกลุ่ม และศูนย์กลางของ CLMV และการปรับหลักสูตรการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษที่จะสามารถดึงดูดนักศึกษาจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาเรียนในประเทศไทยได้ มีการทำวิจัยของมหาวิทยาลัยให้สอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 รวมถึงมีการใช้บทสรุปของ Education 4.0 ของ World Economic Forum (WEF) เป็นกรอบและแนวทางในการกำหนดหลักสูตรของมหาวิทยาลัย โดย WEF ได้กำหนดรูปแบบของ Education 4.0 ดังนี้ 1) Life Long Learning 2) Demand led instead 3) Competency-based instead 4) Incorporate disruptive technologies and skill sets 5) Modular Degree instead of one shot going 6) Emphasis on EQ than IQ alone
![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2019/08/29-ส.ค.-2562_190830_0037.jpg)
ด้าน ดร.กิติพงค์ พร้อมวงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) กล่าวว่า สำหรับการหารือการพัฒนากำลังคนของประเทศครั้งนี้ ได้เรียนเชิญภาคเอกชนทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มาหารือในฐานะผู้แทนของผู้ใช้กำลังคน เพื่อที่จะได้ทราบความต้องการกำลังคนจากภาคเอกชนอย่างแท้จริง ตลอดจนเชิญภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนให้เกิดการผลิตกำลังคนอย่างบีโอไอ มาเพื่อหารือแนวทางการสนับสนุนจากภาครัฐ เชิญส่วนของมหาวิทยาลัย ในฐานะผู้ผลิตกำลังคน มารับทราบความต้องการของตลาดแรงงาน ทั้งนี้ ที่ประชุมได้เสนอข้อคิดเห็นมากมาย และได้แสดงถึงความพร้อมในการสร้างกำลังคนตอบโจทย์ประเทศ อาทิ ภาคส่วนมหาวิทยาลัยมองว่า หากประเทศมีการกำหนดความต้องการและวัตถุประสงค์ในการผลิตกำลังคนที่ชัดเจน มหาวิทยาลัยก็สามารถผลิตกำลังคนเพื่อตอบโจทย์ได้ นอกจากนี้ ภาคเอกชนยังเสนอให้บริษัทขนาดใหญ่ที่มีรายได้ 1,000 ล้านบาท/ปี ตั้ง Corporate Academy เพื่อ Upskill / Reskill เพื่อสร้างกำลังคนในบริษัท และรัฐบาลควรให้การสนับสนุนสิทธิพิเศษให้กับบริษัทเหล่านั้น นอกจากนี้ ภาคเอกชนเห็นว่าความต้องการของตลาดแรงงานปัจจุบัน มีความต้องการเร่งด่วน หากมีความเป็นไปได้ที่ฝ่าย Demand Side จะพบกับ Supply Side โดยตรงก็จะเป็นการดีที่จะร่วมกันผลิตหลักสูตรระยะสั้น 6 เดือนเพื่อให้ทันต่อความต้องการ
![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2019/08/29-ส.ค.-2562_190830_0021.jpg)
![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2019/08/29-ส.ค.-2562_190830_0041.jpg)
![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2019/08/29-ส.ค.-2562_190830_0009.jpg)
![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2019/08/29-ส_0.ค.-2562_190830_0112.jpg)
![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2019/08/29-ส_0.ค.-2562_190830_0105.jpg)
![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2019/08/29-ส.ค.-2562_190830_0118.jpg)
![](https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2019/08/29-ส.ค.-2562_190830_0101.jpg)