(23 มกราคม 2568) ดร.สิริพร พิทยโสภณ รองผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) เข้าร่วมการประชุม “Expert Forum: Positive list ผลักดันการขึ้นทะเบียนสารสำคัญและการกล่าวอ้างทางสุขภาพ เพื่อยกระดับการแข่งขันของประเทศ” จัดโดย หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) (สวก.) ณ ห้องสุขุมวิท ชั้น 2 โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท โดย ดร.สิริพร ได้กล่าวถึงนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารอนาคตเพื่อสนับสนุนการจัดทำบัญชีรายการสารสำคัญ (Positive lists for other function claims)

ดร.สิริพร กล่าวถึงนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญกับการยกระดับการทำเกษตรแบบดั้งเดิมให้เป็นเกษตรทันสมัย รวมถึงมีนโยบายพัฒนา “ครัวไทยสู่ครัวโลก” ตอบสนองความต้องการของโลกด้านความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) แสดงให้เห็นถึงแนวทางสนับสนุนการขับเคลื่อนเรื่องอาหารซึ่งเป็นเรื่องที่ไทยมีศักยภาพ Future Food หรือ อาหารอนาคต จึงถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ต้องให้ความสำคัญ สำหรับนิยามของอาหารอนาคตไทย ได้มีการกำหนดร่วมกันกับเครือข่าย มี 3 จุดสำคัญ คือ 1. มีประโยชน์และปลอดภัยต่อสุขภาพ 2. มีกระบวนการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีนวัตกรรม และ 3. ตอบโจทย์ความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเหตุผลที่ไทยควรส่งเสริมอาหารอนาคต เกิดจากสถานการณ์โลกที่ผู้บริโภคหันมาสนใจสุขภาพมากขึ้น อีกทั้งประเทศไทยยังเข้าสู่สังคมสูงอายุระดับสุดยอด นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหาร เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ และสร้างความเข้มแข็งทางเทคโนโลยีของประเทศด้วย

จากการรวบรวมข้อมูลอาหารอนาคตไทยปัจจุบันมีมูลค่ารวม 334,700 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1. อาหารเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและสารประกอบเชิงฟังก์ชัน 2. อาหารทางการแพทย์และอาหารเฉพาะบุคคล 3. ผลิตภัณฑ์อินทรีย์และอาหารไม่ปรุงแต่ง และ 4. โปรตีนทางเลือก ซึ่งจากภาพรวมพบว่าการส่งออกของ Future Food มีแนวโน้มเติบโตขึ้น และถือเป็น New Growth Engine ของประเทศได้

“เราตั้งเป้าหมายว่าในปี พ.ศ. 2570 จะสร้างมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมอาหารอนาคตรวม 500,000 ล้านบาท โดยมีแนวทางการต่อยอดอุตสาหกรรม ผ่านการดึงดูดการลงทุนสารสกัดและโปรตีนขั้นสูงทั้งในและต่างประเทศ สร้างกลไกบริษัทธุรกิจเกษตร สนับสนุนการแปรรูปขั้นต้นและตรวจวัดคุณภาพ การต่อยอดวิจัยและพัฒนา มีการทำงานข้ามกระทรวงร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดตั้งคอนเซอร์เทียมที่มีเป้าหมายในการขับเคลื่อนร่วมกัน และส่วนสุดท้ายคือ การพัฒนาตลาด ตั้งเป้าเพิ่มรายการกล่าวอ้างทางสุขภาพสารสำคัญจากวัตถุดิบไทย 150 รายการ และมีแนวทางนำร่องจัดทำแพลตฟอร์มจดแจ้งผลิตภัณฑ์สุขภาพ รวมถึงการโปรโมทให้อาหารอนาคตไทย เป็นซอฟต์พาวเวอร์ ผ่านเทศกาลอาหารและการท่องเที่ยว” ดร.สิริพร กล่าว
สำหรับบัญชีรายการสารสำคัญในอาหารของไทยในปัจจุบันยังมีจำนวนจำกัด ดังนั้นจึงต้องมีการสนับสนุนการจัดทำบัญชี Positive lists เพิ่มมากขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์และสรุปหลักฐานทางวิชาการสนับสนุนการใช้ข้อความกล่าวอ้างทางโภชนาการของอาหารและสารสำคัญเชิงหน้าที่กลุ่มเป้าหมาย รวมถึงทดลอง กลไก ขั้นตอน และระบบกำกับดูแล โดยใช้ข้อมูล หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เช่น Systematic Reviews ที่จะช่วยลดระยะเวลา และค่าใช้จ่าย เพื่อขอกล่าวอ้างทางสุขภาพ และเป็นการศึกษาผลกระทบของการบริโภคสินค้ากล่าวอ้างทางสุขภาพที่จดแจ้งเพื่อนำไปสู่การปรับปรุง/เสนอ มาตรการและกฎระเบียบสนับสนุนต่อไป หากมี Positive lists มีการคาดการณ์ว่าจะช่วยให้ผู้ประกอบการลดค่าใช้จ่ายในการขอกล่าวอ้างลง 70% ลดระยะเวลาเข้าสู่ตลาดของผลิตภัณฑ์ลงจาก 2 ปี สู่ 2 เดือน และช่วยสร้างยอดขายผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น 50%
ในส่วนของบทบาทอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.) เพื่อขับเคลื่อน Positive lists ดร.สิริพร กล่าวถึงการร่วมสร้างกลไกการทำงานและตั้งเป้าหมายร่วมกันระหว่างเครือข่ายนักวิจัย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และแหล่งทุน เช่น บพข. สวก. สนับสนุนการให้ทุนวิจัยเพื่อทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ และสร้างเครือข่ายนักวิจัยที่เชี่ยวชาญ Systematic review เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการขับเคลื่อนการจัดทำบัญชีการกล่าวอ้างหน้าที่อื่นของอาหารและส่วนประกอบของอาหาร (Positive lists for other function claims) ต่อไป
ผลสำคัญที่จะเกิดขึ้นต่อประเทศไทย คือ ผู้ประกอบการ SMEs สามารถเข้าถึงข้อมูลงานวิจัยและองค์ความรู้ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ระยะเวลานำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดลดลง ต้นทุนการขอขดแข้งลดลง ในขณะที่ยอดขายเพิ่มขึ้น ส่วนของผู้บริโภค จะมีตัวเลือกผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายขึ้น ได้รับความรู้ในการเลือกซื้ออาหารเพื่อสุขภาพได้อย่างถูกต้องและมั่นใจ เกษตรกร สามารถเพิ่มราคาสินค้า ต่อยอดเป็นอาหารมูลค่าสูงได้ และต่อยอดการใช้ประโยชน์วัตถุดิบเหลือใช้ของไทย และหน่วยวิจัย จะมีขีดความสามารถด้านการวิเคราะห์สารสำคัญให้แก่หน่วยงานวิจัยของรัฐและเอกชนในประเทศมากขึ้น








ขอบคุณภาพจาก บพข.